Bewell x คณะกายภาพบำบัด ม.มหิดล, บทความสุขภาพ

Well-Being From Home : EP.7 มือชา บอกโรคอะไรได้บ้าง ?

มือชา

สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับเข้าสู้รายการ Well-being from home เคล็ดลับสุขภาพดีง่ายๆทำได้ที่บ้าน ออยค่ะ นิศารัตน์ วงษ์คำ นักกายภาพบำบัดจากบีเวล  วันนี้ชาวไอที เกมเมอร์ developer ห้ามเลื่อนผ่านคลิปนี้เด็ดขาดค่ะ อาการ มือชา เป็นโรคอะไรได้บ้าง อันตรายจนต้องผ่าตัดแบบที่เคยได้ยินมาหรือเปล่า วันนี้มีคำตอบแน่นอนค่ะ ก่อนอื่นออยต้องขอเรียนเชิญ “นักกายภาพบำบัด จากคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล คุณ ปัน ปรรณกร สังข์นาค ค่ะ

ครับ สวัสดีครับ

มือชาค่ะพี่ปัน คุณผู้ชมชาวเกมเมอร์ it developer เรียกร้องคลิปนี้มาค่ะ มือชา ชานี่ได้จากอะไรบ้าง

  • โอเคครับ ต้องเข้าใจอย่างแรกนะครับอาการชา เป็นอาการที่บ่งบอกถึงการกดทับเส้นประสาทเนาะ เพราะฉะนั้นเราต้องมารู้ก่อนว่าเส้นประสาทที่โดนกดทับบริเวณมือจะอยู่ตรงไหนบ้าง เส้นประสาทมือจะถูกส่งมาจากเส้นประสาทตรงช่วงคอและยาวมาถึงมือ ช่วงส่วนปลายก็จะมีโครงสร้างหลายส่วน มีเส้นเลือด กล้ามเนื้อ เส้นประสาท เส้นเอ็น แต่ว่าตรงนี้จะมีเส้นประสาทตัวนึงที่สำคัญ ซึ่งตรงนี้มักจะมีการถูกกดทับได้ เกิดการชาได้

แล้วถ้าเส้นประสาทถูกกดทับแบบนี้มันจะสามารถเป็นโรคไหนได้บ้างคะ 

  • จริงๆที่พบได้บ่อย มีอยู่2 โรค นะครับ โรคยอดฮิตอันแรกก็คือ Carpal Tunnel Syndrome Carpal Tunnel เป็นชื่อทางกายวิภาค เป็นช่องทางผ่านของเส้นประสาทที่เราบอกไปเมื่อกี้คือ median nerve พอ median nerve ถูกกดทับเนี่ย เส้นประสาทถูกกดทับใช่ไหมครับ จะทำให้มีอาการตามมาอย่างที่อธิบายไปในตอนแรก คือมี ชา ปวด และ อ่อนแรง อาการชา จะชานิ้วไหนบ้าง ส่วนใหญ่จะชานิ้วโป้ง ชี้ กลาง แล้วก็นิ้วนางครึ่งนึง คืออาการสำคัญของ Carpal Tunnel Syndrome นอกจากชาแล้วถ้าถูกกดทับไปนานๆ อย่างที่อธิบายไปในคลิปก่อนๆ เมื่อกี้การกดทับเส้นประสาทนานๆ กล้ามเนื้อจะเกิดอาการอ่อนแรงขึ้นได้นะครับ แล้วก็รู้สึกว่าจะมีอาการปวดร่วมด้วยในบางคนที่เป็นมากๆนะครับ

แล้วถ้าเราเป็น Carpal Tunnel Syndrome แล้วเนี่ย สามารถรักษาอย่างไรได้บางคะ ต้องผ่าตัดเลยไหม 

  • อย่างแรกต้องเข้าใจก่อนว่า มันเป็นรุนแรงแค่ไหน จริงๆเบื้องต้นขอแนะนำว่าไปพบแพทย์ หรือ นักกายภาพ เพื่อตัวประเมิณก่อนว่า อาการ Carpal Tunnel Syndrome หรือ อาการชามือของคุณเนี่ย เป็นโรคนี้จริงไหมด้วยอันที่ 1 อันที่ 2 คือ มันเป็นรุนแรงแค่ไหน พอเรารู้ว่ามันเป็นรุนแรงแค่ไหน ถึงจะตอบได้ว่าต้องรักษาอะไร แต่การรักษาทั่วไปที่ใช้นะครับ จะมี 2 แบบ คือแบบผ่าตัด ถ้าเราไปพบคุณหมอ และ คุณหมอเจอว่ามันมีการทับเส้นประสาทอย่างรุนแรง เราดูจากอะไร ดูจากที่ มีอาการปวดมาก ชามือตลอดเวลา และเริ่มพบว่ากล้ามเนื้อมือ ที่เห็นชัดๆคือนิ้วโป้งเริ่มอ่อนแรง ลีบแบบเห็นได้ชัด ถ้าแบบนี้คือสัญญาณที่บอกว่า ทับมารุนแรงและควรจะต้องผ่าแน่ๆ ส่วนใหญ่ถ้าคนไข้ที่ได้รับการผ่าตัดเลาะบริเวณพังผืดที่กดทับจะดีขึ้น แต่ถ้าเป็นไม่เยอะ เริ่มๆชาเฉยๆ ยังไม่อ่อนแรง กล้ามเนื้อยังไม่ลีบ อย่างนี้เราอาจจะมาปรึกษานักกายภาพได้ นักกายภาพก็จะให้คำแนะนำว่าต้องดูแลตนเองอย่างไร ลดการกดทับเส้นประสาทอย่างไรบ้าง 

 

  • ซึ่งการรักษาทางกายภาพก็จะใช้หลายวิธีเลย อาจจะใช้เครื่องมือเพื่อลดการกดทับของเส้นประสาท ลดพังผืดที่มันไปกดทับเส้นประสาทตัว median nerve ตัวนี้นะครับ และอาจจะมีการสอน แนะนำ การปรับท่าทางต่างๆในชีวิตประจำวัน อย่างที่สัมพันธ์กับเกมเมอร์เนาะ ก็จะใช้เมาส์ ใช้คีย์บอร์ดบ่อยเนาะ อาจจะปรับใช้เป็น ergonomic keyboard หรือ ergonomic mouse มันก็จะมันก็จะช่วยลดปัญหาที่กดทับตรงนี้ได้ อันนี้คืออย่างนึงนะ อีกอย่างหนึ่งก็คือการถ้าเราไปพบนักกายภาพ นักกายภาพก็จะให้การรักษาโดยการลดการกดทับเส้นประสาท หรือลดอาการปวดด้วยเทคนิคต่างๆทางกายภาพอย่างที่กล่าวไปเมื่อกี้นะครับ

แล้วอีกโรคหนึ่งที่เราพบได้บ่อยบ่อยคือโรคอะไรคะ 

  • เรียกว่าโรค Pronator teres syndrome นะครับ อาการเนี่ยคล้ายๆ กันเลยคือมีอาการชาเหมือนกัน 3 นิ้วครึ่งและมีอาการปวด แต่สิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง Carpal Tunnel Syndrome กับ Pronator Teres Syndrome คือ Pronator Teres Syndrome จะรู้สึกปวดบริเวณท้องแขนอะไรเพราะว่า pronator pronate คือ คว่ำ กล้ามเนื้อมัดนี้ทำหน้าที่ในการคว่ำและหงาย ถ้ามันถูกใช้งานบ่อยบ่อยในคนที่ใช้งานเมาส์หรือคอมพิวเตอร์ก็จะมีการตึงรั้ง แล้วก็ไปกดทับเส้นประสาทตรงแขนได้ ทำให้เพราะฉะนั้นทำให้มีอาการชาคล้ายๆ Carpal Tunnel Syndrome ถ้าเป็น Carpal Tunnel Syndrome มักจะมีอาการปวดตอนกลางคืน แต่ถ้าเป็น Pronator Teres Syndrome จะไม่ค่อยปวดตอนกลางคืนเท่าไหร่ก็เลยเป็นข้อแตกต่างระหว่างสองอาการนี้จะประมาณนี้เลยครับ

แล้วถ้าเราเป็นแล้วเนี่ย ไม่ว่าจะเป็น Carpal Tunnel Syndrome หรือ Pronator Teres Syndrome เรามีวิธีการรักษาอย่างไรบ้างคะ

  • มันก็จะกลับเข้ามาสู่ว่าเราเป็นหนักมากแค่ไหนถ้าเราเป็นไม่หนักเราก็ดูแลตัวเองได้ ใช้การบริหารร่างกายเพื่อยืดหยุ่นกล้ามเนื้อในส่วนที่มีการตึงตัวและกดทับเส้นประสาท แต่ถ้าเราเป็นหนักไปพบคุณหมอแล้วเจออาการอ่อนแรงก็อาจจะต้องมีการผ่าตัด ซึ่งถ้าเป็นการรักษาส่วนใหญ่ ถ้าเป็นของคุณหมอมักจะให้ ยาลดอักเสบ ลดปวดขายกล้ามเนื้อ หรือถ้าพบนักกายภาพ ก็จะแนะนำให้ใส่พวกสปริ้นท์ต่างๆเพื่อลดการกดทับเส้นประสาทหรือ สิ่งที่สำคัญเลยถ้ามาพบนักกายภาพบำบัดก็จะ ลดการกดทับของเส้นประสาทด้วยเทคนิคทางกายภาพต่าง ๆอย่างที่เคยกล่าวไปในคลิปก่อนก่อนมี ultrasound มีไฟฟ้าหรืออะไรก็ตามที่ ช่วยลดการกดทับ แต่พวกนี้เป็น passive หมายความว่าเราทำไปถ้าคนไข้ไม่ปรับที่ต้นเหตุ คือการไปกดทับเส้นประสาทจากการที่เราไปใช้เมาส์ มีท่าทางที่ไม่เหมาะสมของมือทำให้เกิดโรคได้อีกซ้ำๆเพราะฉะนั้นเนี่ยเราต้องไปดู Workstation ด้วยว่าเค้าทำงานโต๊ะเค้าเป็นยังไง เหมาะกับมือเขาไหมการที่ใช้พวกอุปกรณ์ต่างๆที่ช่วยลดการกดทับ Ergonomic mouse หรือ ergonomic keyboard หรือ Vertical mouse ชก็จะช่วยลดปัจจัยตรงนี้ได้หรือถ้ามาพบนักกายภาพบำบัดก็จะแนะนำตรงนี้ให้ด้วยนะครับและสุดท้ายที่จะแนะนำทุกคลิปก็คือท่าบริหารเพื่อลดการกดทับของเส้นประสาทเพื่อช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้นวันนี้จะมีท่ามาฝากทั้งหมด 3 ท่านะครับ

ท่าบริหารป้องกันโรคมือชา

ท่าที่ 1 : Median Nerve Mobilization

ลักษณะของทาก็จะตั้งแขนขึ้นประมาณนี้นะครับคล้ายๆรำปกติเริ่มจากข้างนึงก่อนและค่อยค่อยยืดออกไปข้างข้าง ประมาณนี้ แขนตรงและค่อยค่อยยืดเป็นเหยียดตรงและ ค่อยค่อยขยับช้าๆความรู้สึกก็คือจะตึงมือกับแขนใ ช่ครับจะไม่ให้รู้สึกถึงขั้นชามากๆก็ทำ 10 -15 ครั้งวันนึงก็จะ3 -5รอบต่อวัน เพราะว่าการยืดเส้นประสาทต้องระวังเพราะว่าถ้ายืดจนตึงหรือชาเกินไป จะทำให้เส้นประสาทอักเสบได้ท่านี้คือท่าแรก 

10-15 ครั้ง/รอบ 3-5 รอบ/วัน

ท่าที่ 2 : Forearm flexor stretch  

สำหรับท่าที่สองนะครับ เป็นการยืดกล้ามเนื้อท้องแขนนะครับเราก็จะมีการเหยียดแขนลงแบบนี้เ พื่อลดการตึงตัวของเส้นประสาทตรงช่วงท้องแขนและกล้ามเนื้อและการยื่นเราก็ดันแขนลงไปคล้ายการดัดของนางรำ ความรู้สึกก็คือให้ตึงที่สุดแต่ไม่เจ็บแล้วครับค้างไว้ 10 – 15 วินาทีแบบนี้นะครับวันหนึ่ง3-5 รอบต่อวันแล้วก็เช้ากลางวันเย็นก็ได้ครับ หรือว่าถ้าเป็นคนที่ทำงานออฟฟิศก็แนะนำว่าทุกๆ 3- 5 ชั่วโมงใให้ทำ 3-5ครั้งก็จะช่วยลด แรงกดที่มีต่อเส้นประสาทและกล้ามเนื้อได้นะครับ

10-15 ครั้ง/รอบ 3-5 รอบ/วัน

ท่าที่ 3 : บีบลูกบอล

ส่วนถ้าสุดท้ายเมื่อกี้มีการกล่าวว่าถ้าเป็นมากๆมีการอ่อนแรงได้ใช่ไหมครับ ถูกกดจนอ่อนแรงเพราะฉะนั้นเนี่ยเราต้องมีท่าทีไปเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ซึ่งกล้ามเนื้อที่มักจะอ่อนแรงก็คือกล้ามเนื้อนิ้วโป้งกล้ามเนื้อมือมือและจะเป็นท่าที่ฝึกเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อมือ ก็คือการใช้การบีบ แต่การบีบเมาป่าวก็อาจจะไม่ค่อย effective หมายถึงว่ามันไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากเท่าไหร่หรืออาจจะต้องมีลูกบอลหรืออะไรที่เป็นแรงต้านแนะนำเป็นลูกบอลออกกำลังกาย ที่กลมๆและเราก็มีแบบนี้นะครับค้างไว้สักพักนึงทำ 10 ถึง 20 ครั้งต่อเซตก็ได้ครับ วันนึง 3-5 เซตต่อวัน พวกนี้ต้องทำบ่อยบ่อยเพื่อให้กล้ามเนื้อตรงช่วงนี้แข็งแรง

10-20 ครั้ง/รอบ 3-5 รอบ/วัน 

ได้เลยค่ะ วันนี้เราก็ได้กันไปอีกถึง 3 ท่านะคะ ความรู้แน่นมากเลยค่ะพี่ปัน วันนี้คุณผู้ชมต้องเลิ้บคลิปนี้แน่นอนขอขอบคุณพี่ปันนะคะ นักกายภาพบำบัด ปรรณกร สังค์นาค จากคณะกายภาพบำบัด มหาวิทยาลัยมหิดล ที่มาร่วมพูดคุยและให้ความรู้กันในวันนี้นะคะ

ใครที่ลองทำตามแล้วนะคะ อยากสอบถามเพิ่มเติมสามารถคอมเม้นได้ที่ใต้คลิปนี้เลยนะคะ อย่าลืมกด like กด share กด subscribe นะคะ เพื่อติดตามตอนถัดไป เราสองคนจะมาพูดคุยกันเรื่องอะไรอีก แล้วพบกัน EP ถัดไปนะคะ สำหรับวันนี้สวัสดีค่ะ

Slide
ฟรี! ปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ
ปรับท่านั่งทำงานที่ถูกต้อง
ตามหลัก Ergonomics

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *