บทความสุขภาพ

เช็คดูหน่อยไหม คุณกำลังหมดไฟในการทำงานรึเปล่า

หมดไฟในการทำงาน Bewell

เมื่อเราทำงานไปสักระยะหนึ่ง หรือนานๆเข้า คิดว่าหลายคนคงจะเคยเจอกับความรู้สึกเบื่อหน่าย ตื่นเช้ามาแล้วรู้สึกไม่อยากลุกไปทำงาน คุณอาจจะคิดว่านั่นเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่ใครๆก็ เบื่อวันจันทร์ แต่อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจ ลองมาเช็คกันดูนิดนึงไหมว่าคุณแค่กำลังเบื่อวันจันทร์แบบธรรมดาๆ หรือว่ากำลังหมดไฟในการทำงานกันแน่ 

หมดไฟในการทำงาน Bewell

ภาวะหมดไฟในการทำงาน คืออะไร?

การหมดไฟในการทำงาน หรืออาการ BURNOUT SYNDROME เป็นภาวะหนึ่งที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจ หรือเกิดจากความเครียด  จนทำให้คุณรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าทางอารมณ์  ขี้เกียจ เฉื่อยชาและเบื่อหน่าย ไม่ว่าจะหยิบจับทำอะไร จะคิดสร้างสรรค์หรือทำงานอะไร ก็รู้สึกไม่มีกำลังแรงใจ หรือไม่มีพลังงานทางจิตใจในการเริ่มทำงานนั้นๆ เมื่อเราเกิดภาวะนี้ เรามักจะมองงาน หรือสิ่งที่ได้รับมอบหมายในเชิงลบ ทำให้ขาดความสุข ขาดความความสนุกในการทำงาน เมื่อเป็นนานเข้าแน่นอนว่าประสิทธิภาพในการทำงานก็จะต่ำลง และสำหรับบางคน ภาวะหมดไฟในการทำงาน ทำให้เกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายเพื่อนร่วมงาน ห่างเหินจากเพื่อนร่วมงาน ซึ่งยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ในหน่วยงานแย่ลง เกิดความท้อแท้และหมดเรี่ยวแรงในการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวัน  อย่างไรก็ตาม อาการหมดไฟในการทำงานนั้น ไม่ใช่โรคที่รุนแรงหรือเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในสมอง แต่หากเราปล่อยปละละเลยไม่ดูแลให้ร่างกายและจิตใจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ การทำงานและใช้ชีวิตแบบหมดไฟในการทำงานไปเรื่อยๆ ก็อาจจะส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้าได้เช่นกัน แต่นั่นก็ไม่เสมอไป 

หมดไฟในการทำงาน Bewell

สาเหตุของภาวะหมดไฟในการทำงาน  

  •  หมดไฟจากภาระงานที่หนัก และปริมาณงานที่มากเกินไป เพราะการมีปริมาณงานที่มาก อาจจะทำให้เราขาดเวลาในการดูชีวิตด้านอื่นๆ ของตนเอง 
  • ต้องทำในเวลาเร่งรีบ ต้องทำงานที่ไม่ถนัด หรืองานมีความซับซ้อนเกินขีดความสามารถที่เราจะจัดการได้ด้วยตนเอง เมื่อจัดการงานไม่ได้ ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือเราจะรู้สึกโดดเดี่ยวและทำให้หมดไฟในการทำงานได้  
  • มีปัญหาการเรียงลำดับความสำคัญของงาน  หรือขาดอำนาจในการตัดสินใจ ทำให้รู้สึกไร้ตัวตน หรือขาดพื้นที่ที่จะแสดงตัวตนในที่ทำงาน รู้สึกไม่เป็นส่วนหนึ่งของทีม จนเกิดความเบื่อหน่ายและขาดกำลังใจ
  • อยู่ในระบบบริหารงานที่ขัดต่อคุณค่าและจุดมุ่งหมายในชีวิตของตนเอง ทำให้เกิดคำถามกับตนเองเสมอๆ ว่าเรามาทำอะไรที่นี่ แบบนี้ถูกต้องแล้วหรือ สิ่งเหล่านี้ทำให้เราไม่อยากจะเต็มที่กับการทำงาน 
  • นอกเหนือจากพนักงานออฟฟิศแล้ว แม่บ้านที่ต้องดูแลบ้าน เลี้ยงลูก ที่ใช้ชีวิตอยู่ในรูปแบบเดิมๆ ก็อาจจะเกิดภาวะหมดไฟในการทำงาน หรือขาดความสุข ขาดความกระตือรือร้นกับหน้าที่ของตนเองได้เหมือนกันนะ 
หมดไฟในการทำงาน Bewell

มาปลุกไฟในการทำงานกันเถอะ  

  • ให้ความสำคัญกับสมดุลของชีวิต

การดูแลจิตใจที่ดีนั้น เริ่มต้นจากการรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงก่อน ดังนั้น คุณต้องนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ พยายามนอนให้เป็นเวลา ตัดความกังวลหรือความเครียดจากการทำงานแล้วนอนหลับเพื่อคืนสมองที่ปลอดโปร่งให้กับร่างกาย ที่สำคัญ อย่าลืมทานอาหาร อร่อยๆ ให้ครบ 5 หมู่ เลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ และดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ

  • กระตุ้นต่อมความสุขให้ตัวเอง

ลองหากิจกรรมอะไรที่ช่วยลดความเครียดมาทำ อาจจะเป็นการไปนวด  ดูหนัง ฟังเพลง ออกกำลังกาย ทำสปา หรือ ฉีดเสปร์อโรม่าให้หอมๆ และผ่อนคลาย เรียกว่าให้หันกลับมาให้ความสำคัญกับความสุขเล็กๆ น้อย ในชีวิตประจำวันของคุณ

  • ทบทวนและปรับทัศนคติ

เมื่อสุขภาพกายใจ ของคุณเริ่มดีขึ้น สมองจะปลอดโปร่ง และถึงเวลาที่ต้องทบทวนตัวเองเพื่อที่เราจะได้ปรับทัศนคติในการทำงาน ทำความเข้าใจในเนื้องาน และองค์กรที่ทำงานด้วยใหม่ ลองเปิดใจที่รับปัญหาและหาวิธีจัดการกับมันด้วยความรู้สึกท้าทาย ภูมิใจและดีใจกับความสำเร็จเล็กๆน้อยๆ ทีเกิดขึ้น อย่าลังเลที่จะปรึกษา หรือขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้า เพราะนั่นอาจจะทำให้ทั้งงานและความสัมพันธ์ในงานของคุณดีขึ้นก็ได้นะ 

การหมดไฟในการทำงานนั้น เป็นภาวะหนึ่งที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและจิตใจ อาจจะเกิดแค่ช่วงสั้นๆ ที่เรารู้สึกเครียดกับงาน หรืออาจจะเกิดในระยะยาว แม้ไม่ใช่โรคที่รุนแรงและน่ากลัวแต่ก็ส่งผลกระทบต่อชีวิตพอสมควร  ดังนั้น อย่าปล่อยให้ตัวเองหมดไฟ เพราะเราสามารถที่ปลุกไฟหรือฟื้นคืนความมีชีวิตชีวาในการทำงานของเราเองได้ ยังไงก็ไปลองทำกันดูนะคะ Bewell เป็นกำลังใจให้ค่ะ 

Slide
ฟรี! ปรึกษาปัญหาด้านสุขภาพ
ปรับท่านั่งทำงานที่ถูกต้อง
ตามหลัก Ergonomics

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *